ค้นหา
ไทย
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • polski
  • italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • Others
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • polski
  • italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • Others
ชื่อ
การถอดเสียง
ต่อไป
 

ความล้ำค่าของร่างกายมนุษย์ ตอนที่ 5 จาก 8 ตอน

รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
เมื่อรู้สถานการณ์ ของมนุษย์ เมื่อได้เห็นการดิ้นรน มากมายในท้องทะเลแห่งความทุกข์ ในมิติทางกายภาพแล้ว พวกท่านก็เสด็จลงมา พระเจ้าส่งพวกท่านลงมาสอนเรา ให้เราเห็นหนทางกลับบ้านอีกครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อแสดงให้เราเห็น วิธีใช้การเชื่อมต่อของเรา กับพลังสวรรค์ ในการกลับบ้าน หรือไปยังดินแดนแห่งพุทธะ ที่ใดก็ตามที่เราปรารถนาจะไป “กลับบ้าน” ก็หมายถึง ดินแดนแห่งพุทธะเช่นกัน สวรรค์ ตอนที่ฉันพูดว่าสวรรค์ ฉันหมายถึงบางสิ่งที่อยู่เหนือ ระดับทางกายภาพของเรา ดินแดนแห่งพุทธะ ก็อยู่บนสวรรค์เหล่านี้ พระพุทธเจ้าบางพระองค์ บุญกุศลของท่านมหาศาลมาก พระองค์สร้างสวรรค์ของท่านเอง ให้กับลูกศิษย์ของท่าน ลูกศิษย์ของท่าน ที่ติดตามท่าน เมื่อครั้งที่พวกท่านยังอยู่บนโลก และบางที อาจมีพลังงานเหลืออยู่ จากพระพุทธเจ้าเหล่านั้น และผู้คนศรัทธาในพวกท่าน ดังนั้นพระพุทธเจ้าเหล่านั้น ก็จะช่วยเหลือพวกเขาด้วย หรือส่งลูกศิษย์ระดับสูงของพระองค์ บางส่วนจากดินแดนแห่งพุทธะ ลงมาช่วยผู้ที่อธิษฐาน ขอความช่วยเหลือ

ดินแดนแห่งพุทธะก็เป็นสวรรค์เช่นกัน เราจึงอาจพูดว่า "ดินแดนแห่งพุทธะ" หรืออาจพูดว่า "ดินแดนแห่งสวรรค์" มันเหมือนกัน มันหมายถึงปิติสุข อิสระภาพไม่มีที่สิ้นสุด พระพรไม่มีที่สิ้นสุด ความสมหวังไม่มีที่สิ้นสุด ในทุก ๆ วินาทีของชีวิตของคุณ คุณไม่ต้องกังวล คุณไม่ต้องทำงานหนัก คุณไม่ต้องกลัวสงคราม การกดขี่ หรืออะไรก็ตาม ที่เราโชคร้าย ประสบพบเจอบนโลกใบนี้ บนโลกนี้ มีความสุข น้อยกว่าความทุกข์ เราทุกคนรู้เรื่องนั้นดี ตอนนี้ บนสวรรค์ หรือดินแดนพุทธะ หมายถึงเราไม่มีทั้งหมดนี้ สิ่งที่เรามีอยู่บนโลก เรามีเพียงหัวใจ และความรู้สึกที่มีพระพรที่สุด มีความสุขที่สุด และพึงพอใจที่สุดเท่านั้น อะไรก็ตามที่เราต้องการ ก็มาหาเรา ที่ไหนก็ตามที่เราอยากไป เราก็แค่เหาะไปที่นั่น หรือคิดในใจ เราก็จะไปถึงที่นั่น ขึ้นอยู่ว่า เราอยู่บนสวรรค์ชั้นไหน

สวรรค์บางแห่ง อยู่ในมิติที่สูงกว่า เราแค่คิด และเราสามารถไปได้ทุกที่ และเราแค่คิดเท่านั้น แล้วทุกสิ่งที่เราต้องการก็จะมา สวรรค์ชั้นสูงบางแห่ง เราไม่ต้องปรารถนาสิ่งใดด้วยซ้ำ เพราะเราจะเป็นตัวเอง ธรรมชาติพุทธะของเรา ถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ และเราเป็นเพียงพุทธะเท่านั้น หรือคุณบอกได้ว่าเราอยู่ในสวรรค์ก็ได้ เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า แล้วเราไม่ต้องการสิ่งใดเลย

แต่ในร่างกายมนุษย์ มันง่ายกว่าที่จะบำเพ็ญทางจิตวิญญาณ เพราะความยากลำบาก และเพราะเรามีร่างกาย ที่มีพลังอัศจรรย์ พลังไม่มีที่สิ้นสุด นั่นคือเหตุผล และน่าเสียดาย ที่ผู้คนไม่รู้เรื่องนี้ ฉันเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน ฉันไม่รู้มาก่อน ตอนที่ฉันรู้แจ้งใหม่ ๆ และฉันไม่รู้ ตอนที่ฉันมีลูกศิษย์จำนวนน้อยมาก เพียงเพราะฉันมี โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ และฉันต้องค้นคว้าเกี่ยวกับ เหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายในโลก ฉันจึงรู้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถึงความทุกข์ ของมนุษย์ และของชาวสัตว์ ฉันเห็นมันทั้งทางกาย ทางใจ และทางจิตวิญญาณด้วย ดังนั้นฉันจึงค้นคว้าต่อไป ค้นคว้าว่าฉันจะทำอะไร ให้โลกได้อีกบ้าง ฉันมีอะไรอีกบ้าง จากนั้นฉันก็ค้นพบ พลังภายในร่างกายมนุษย์ มากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือวิธีที่ฉันสามารถอยู่รอดได้ มาจนถึงตอนนี้ ฉันนึกถึงคนอื่น ๆ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่บอบบางมาก คงจะแหลกเป็นชิ้น ๆ ไปนานแล้ว ถ้าฉันไม่ได้ค้นพบ ในตอนนั้น ด้วยพระพรของพระเจ้า ที่ค่อย ๆ ค้นพบพลังบางอย่าง ที่จะจัดการกับสถานการณ์ ที่กำลังเผชิญอยู่ และก็มีพระพรหลั่งไหลเข้ามา ในโลกมากขึ้นอีกด้วย

ตอนนี้ฉันจึงได้ตระหนักอย่างแท้จริง ถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า การมีร่างกายมนุษย์ เป็นสิ่งที่หาได้ยากและมีค่า และยากลำบากอย่างยิ่ง และตอนนี้ฉันก็รู้แล้วเช่นกันว่า พระเจ้าตรัสว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์ ตามพระฉายาของพระองค์ เพราะแน่นอนว่า พระเจ้ามีพลังมากมาย พลังมหาศาล ที่เราไม่สามารถ จินตนาการได้ทั้งหมด ก่อนที่ฉันจะค้นพบ พลังมากมายที่ซ่อนอยู่ ในร่างกายมนุษย์อีกครั้ง ฉันก็ไม่เข้าใจมากนัก คุณอ่านทุกอย่าง แต่คุณไม่ได้ตระหนักถึงความหมาย ของมันเสมอไป จนกว่าคุณจะรู้อย่างแท้จริง ด้วยปัญญาของคุณ เพียงเพราะว่าโลกนี้ มีความทุกข์มากกว่า ฉันจึงค้นหา ค้นหาต่อไป ฉันพยายามต่อไป ลองนี่ลองนั่น และฉันก็ค้นพบอีกครั้งว่า พลังใดที่ได้มอบให้แก่มนุษย์ อย่างน้อยก็สำหรับฉัน

ฉันจึงบอกให้คุณ ดูแลร่างกายของคุณ เพราะมันคือวิหารของพระเจ้า ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วว่า ร่างกายเป็นวิหารของพระเจ้า หมายความว่าอย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สรรพสัตว์ทั้งหลายก็เหมือนเรา ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้ล่ะ?” พระพุทธเจ้า จึงทรงให้กำลังใจเราว่า "เราเป็นพุทธะแล้ว เธอจะเป็นพุทธะ เธอไม่ขาดอะไร เธอก็จะเป็นพุทธะด้วย” พระเยซูตรัสอีกว่า “อะไรที่เราทำได้ พวกท่านก็ทำได้เช่นกัน พวกท่านยังทำได้ดีกว่าเสียอีก" เพราะบางทีพระเยซูทรงตระหนักว่า สิ่งนี้สำคัญเพียงใด ที่จะได้รับสิทธิพิเศษ เป็นร่างกายมนุษย์ พร้อมอุปกรณ์มากมาย อุปกรณ์อันอัศจรรย์

เราได้รับสิทธิพิเศษอย่างมาก ที่ได้เป็นลูก ๆ ของพระเจ้า ซึ่งหมายความว่า เราเกิดมา พร้อมกับพลังของพระเจ้า พระพุทธเจ้าหมายความว่า เราได้รับสิทธิพิเศษอย่างยิ่งที่ได้ เป็นมนุษย์ เพราะพระองค์ได้เป็น พุทธะแล้ว และมนุษย์คนอื่น ๆ ก็จะเป็นพุทธะด้วย พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสว่า “เราเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว พวกคุณทุกคน ไม่มีทางได้เป็นพุทธะ คุณทุกคนเป็นคนบาป เป็นคนเลว” พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสอย่างนั้น เพียงแต่ว่าในเวลานั้น พระพุทธเจ้าอาจเป็นเพียงผู้เดียว หรือในกลุ่มไม่กี่คน ที่ได้ตระหนักถึงธรรมชาติ แห่งพุทธะภายในพระองค์ เท่านั้นเอง เช่นเดียวกับพระเยซู อาจเป็นพระองค์เดียว ในช่วงเวลานั้น ที่ตระหนักถึงอาณาจักรของพระเจ้า โดยสมบูรณ์

แต่ดังที่คุณทราบ โลกนี้คือโลกแห่งการทดสอบ ความยากลำบาก และพลังที่ท้าทายและลวงหลอก จากเหล่าเทวดาที่ร่วงหล่น ผู้ปกครองดาวเคราะห์นี้ ดังนั้นเมื่อเรามาที่นี่ เราจึงสูญเสียความทรงจำไป เราลืมหนทางกลับบ้าน ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้เชื่อมต่อ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รู้ หนทางกลับบ้าน เพียงแต่เราลืมไปแล้วว่ามันอยู่ที่ไหน แม้ว่ามันจะอยู่แค่ตรงนั้นเอง ภายในตัวเรา คุณเพียงแค่ต้องมีอาจารย์ผู้รู้แจ้ง ผู้รู้หนทาง ที่จะปลุกคุณให้ตื่น และแสดงให้คุณเห็น จุดเริ่มต้น และคุณจะ เดินต่อไปจนถึงปลายทาง ไม่มีที่สิ้นสุด แน่นอน มันเป็นเพียงการพูด ไม่มีจุดเริ่มต้น แต่มีเพียงอาจารย์ผู้รู้แจ้งเท่านั้น ที่สามารถแสดงให้คุณเห็นได้ ด้วยพระพรของพระเจ้า แน่นอน เพียงเพราะคุณมีร่างกาย อันล้ำค่า อยู่ภายใน คุณมีทุกสิ่งที่คุณจำเป็น คุณมีทั้งจักรวาลอยู่ภายในตัวคุณ คุณมีพลังทั้งหมด ที่คุณจินตนาการได้

สิ่งเดียวก็คือ ถ้าคุณทำทุกอย่างเพื่อตัวคุณเอง และลูกศิษย์สองสามคน หรือสมาชิกในครอบครัวสองสามคน คุณจะเพลิดเพลินอย่างมีความสุข ตลอดชีวิตของคุณ เช่นเดียวกับพี่น้องชายหญิง ของคุณหลายคน ที่เขียนข้อความจากใจ ที่งดงาม มาตลอดเวลา เพราะพวกเขามีประสบการณ์ เพราะพวกเขาไม่ใช่อาจารย์ พวกเขาไม่ได้ถูกเลือกให้เป็น ผู้ที่จะเสียสละ เพื่อโลก ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร อาจารย์จะช่วยเหลือพวกเขาเสมอ และพวกเขาก็ค้นพบ พลังของตัวเองภายใน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องใช้ อะไรมากมาย เว้นแต่นั่งสมาธิด้วยวิธีที่ถูกต้อง ธรรมวิถีกวนอิม วิธีรู้แจ้งฉับพลัน วิธีที่ไม่ได้ เขียนไว้ในพระคัมภีร์ใด ๆ และพระสูตรใด ๆ เพราะดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในศูรางคมสูตร มีหนทางลัด เราได้พูดกันแล้ว เมื่อหลายปีก่อน ฉันไม่สามารถเอาแต่พูดซ้ำ ๆ ได้ มันยาวเกินไป

ดังนั้นเราจึงได้รับโอกาส ให้กลับบ้าน หลังจากที่เราอยากจะลองด้วยตัวเอง เพื่อดูว่าเรามีพลังมากแค่ไหน โดยอิสระ แต่แล้วเราลงมายังโลก และเราถูกทุบตี จนดำคล้ำ เราถูกลงโทษที่นี่และที่นั่น ไม่ว่าจะทำอะไรหรือไม่ก็ตาม ถูกล่อลวงให้ทำผิด แล้วเราก็หมดแรง อ่อนแอ และหาทาง กลับบ้านไม่ได้เลย เหมือนกับการว่ายน้ำมากเกินไป ในกระแสน้ำแรง: คุณไม่สามารถไปถึงฝั่งได้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องมีใครบางคน ที่ว่ายน้ำเก่ง มีเทคนิค หรือคนที่มีเรือ มาช่วยคุณ นั่นคือภารกิจของอาจารย์ เป็นเรือของคุณ และพาคุณไปยังอีกฝั่ง

พระเจ้าจึงส่งทีม ของพระองค์ หรือพระบุตร ของพระองค์ลงมาช่วยเรา ตลอดเวลา แค่ว่าบางครั้ง เราก็เบลอเกินกว่าจะจำมันได้ เช่นเดียวกับตอนที่พระเยซูประสูติ ผู้คนยังคง รอคอยพระผู้ช่วยให้รอด เหมือนกับตอนที่พระพุทธเจ้า อยู่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาก็ใส่ร้ายพระองค์ รอให้พระพุทธเจ้าองค์อื่น ลงมา และตอนนี้พวกเขากำลังรอ ให้พระศรีอริยเมตไตรยลงมาอีกครั้ง สมมุติว่าพรุ่งนี้ พระศรีอริยเมตไตรยเสด็จลงมา คุณจะจำพระองค์ได้อย่างไร? พระองค์ควรใส่จีวรหรือไม่? แล้วพระอื่น ๆ ก็จะวิจารณ์พระองค์ และพวกเขาหรือใครก็ตาม จะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์คือ พระศรีอริยเมตไตรย? และถ้าพระองค์ ไม่ทรงใส่จีวร แต่ทรงใส่ชุดบาทหลวง แล้วคุณจะจำพระองค์ได้อย่างไร? ขณะที่พระองค์เสด็จลงมา พระองค์ต้องทำอะไรบางอย่าง พระองค์จะต้องเป็นใครสักคน คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่าใครคือใคร?

และแม้ว่าคุณจะทาน อาหารเพียงมื้อเดียวต่อวัน หรืองาสามเม็ด และดื่มน้ำสามอึกต่อวัน ผู้คนก็จะไม่คิดว่า คุณคือพระพุทธเจ้า เพราะพระภิกษุจำนวนมาก ในปัจจุบันยังคงทำเช่นนั้น อย่างน้อยก็ ในหลายประเทศในเอเชีย หรือในวัดแห่งเมือง แห่งพระพุทธเจ้าหมื่นพระองค์ ว่านโฟ เซิงเฉิง ของอาจารย์ฉวน ฮวา ที่สหรัฐอเมริกา ที่ไหนสักแห่ง เมื่อก่อนนี้ พระภิกษุและแม่ชีของท่านทุกรูป ต้องฉันอาหารวันละมื้อเท่านั้น และฉันเพียงเล็กน้อย ไม่มีใครไปที่นั่น และตรวจสอบว่าพวกเขาทั้งหมด เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ พวกเขาใช้ชีวิตอย่างประหยัด และอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง แม้แต่ภิกษุบางรูป ก็เดินจากเมืองนี้ ไปยังเมืองนั้น หนึ่งก้าว พวกเขาก็กราบหนึ่งครั้ง สองก้าว สองครั้ง สามก้าว สามคำนับ กราบ ฝนตกหรือแดดออก บนถนน ไม่ใช่ในสวนธรรมดา ของวัดที่ไหนก็ตาม ผู้คนผ่านไปมา ก็หัวเราะเยาะพวกท่าน ใส่ร้ายพวกท่าน ดุด่าพวกท่าน ล้อเลียนพวกท่าน ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่มีใครไปที่นั่น ที่วัดฉวน ฮวา เพื่อดูว่ามีพระรูปใด เป็นพุทธะหรือไม่

ดาวน์โหลดรูปภาพ   

รับชมเพิ่มเติม
วีดีโอล่าสุด
31:33

ข่าวเด่น

108 รับชม
2024-07-02
108 รับชม
32:16

ข่าวเด่น

204 รับชม
2024-07-01
204 รับชม
แบ่งปัน
แบ่งปันไปที่
ฝัง
เริ่มที่
ดาวน์โหลด
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ
ไอโฟน
แอนดรอยด์
รับชมในบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือ
GO
GO
Prompt
OK
แอพ
สแกนโค้ดคิวอาร์ เลือกระบบโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อดาวโหลด
ไอโฟน
แอนดรอยด์